การอ่านตาราง Load Capacity ของ สแต๊กเกอร์ (Stacker)

การทราบค่าการยกสูงของสแต๊กเกอร์เป็นสิ่งสำคัญมากในการเลือกใช้งานให้เหมาะสมก่อนตัดสินใจซื้อสแต๊กเกอร์ไปใช้งานสักตัว โดยค่าความสัมพันธ์ของน้ำหนักและความสูงในแต่ละระดับสามารถดูได้ที่ตาราง Load Capacity ซึ่งตารางนี้หมายถึงน้ำหนักสูงสุดที่สแต๊กเกอร์สามารถรับได้ โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายต่อตัวรถหรือคนทำงานเองก็ตาม ดังนั้น การเข้าใจตาราง Load Capacity จึงมีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการเทียบตาราง Load Capacity ของสแต๊กเกอร์ได้ดียิ่งขึ้น

  1. Load Capacity คืออะไร?
    Load Capacity หรือความสามารถในการรับน้ำหนักของสแต๊กเกอร์ เป็นค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณน้ำหนักที่สแต๊กเกอร์สามารถยกได้อย่างปลอดภัยในระยะความสูงที่กำหนด โดยปกติแล้วในตาราง Load Capacity จะมีหน่วยเป็นน้ำหนักเป็นกิโลกรัม (kg) และความสูงเป็นมิลลิเมตร (mm) แต่จะแตกต่างกันไปตามรุ่นของตัวรถ
  2. ปัจจัยที่มีผลต่อ Load Capacity
    ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการรับน้ำหนัก ดังนี้:
    • ความสูงของการยก (Lift Height): ยิ่งยกสูงขึ้น ความสามารถในการรับน้ำหนักจะลดลง เนื่องจากการทรงตัวของ Stacker และความปลอดภัยจะลดลง
    • จุดศูนย์กลางน้ำหนัก (Load Center): คือระยะห่างจากแผงงาของสแต๊กเกอร์ถึงจุดศูนย์กลางของน้ำหนักบรรทุกสินค้า ยิ่งจุดศูนย์กลางน้ำหนักอยู่ไกลจากตัวเครื่อง ความสามารถในการยกจะยิ่งลดลง ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการทำงานและการทรงตัวของสแต๊กเกอร์ น้ำหนักยกสูงสุดจะลดลงเมื่อจุดศูนย์กลางน้ำหนักอยู่ไกลออกไป
    • ที่ 600 มม. อาจยกได้เพียง 800 กก.
    • ที่ 700 มม. อาจยกได้เพียง 600 กก.
    • รุ่นและประเภทของ Stacker: แต่ละรุ่นของ Stacker จะมี Load Capacity ที่แตกต่างกันตามความแข็งแรงและการออกแบบของเครื่อง

  3.  วิธีการอ่านตาราง Load Capacity
    ตาราง Load Capacity โดยทั่วไปจะประกอบด้วยแถวและคอลัมน์ที่แสดงค่าโหลดสูงสุดในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ระดับความสูงและตำแหน่งของสินค้าที่จะยก ตัวอย่างการอ่านตาราง Load Capacity มีดังนี้:
    • กราฟแนวนอนจะแสดงความสูงของการยก เช่น 2.5 เมตร, 3 เมตร, หรือ 3.5 เมตร
    • กราฟแนวตั้งจะแสดงแต่ละช่วงน้ำหนักที่สามารถยกได้ที่ความสูงนั้น ๆ จะเห็นได้ว่าเมื่อยกสูงขึ้น น้ำหนักสูงสุดที่สามารถยกได้จะลดลงตามไปด้วย

  4. การใช้งานตาราง Load Capacity ให้ปลอดภัย
    เพื่อให้การใช้งานสแต๊กเกอร์เป็นไปอย่างปลอดภัย คุณต้องตรวจสอบตาราง Load Capacity เสมอก่อนที่จะยกของหนัก นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้งานเกินความสามารถที่ระบุไว้ในตาราง และต้องมีการตรวจสอบสภาพเครื่องสแต๊กเกอร์อย่างสม่ำเสมอ
  5. การเลือก Stacker ตาม Load Capacity
    การเลือก Stacker ควรคำนึงถึงความต้องการในการยกของคุณ เช่น น้ำหนักของสินค้าที่ต้องยก ระยะความสูงที่ต้องการ รวมถึงระยะศูนย์ถ่วง (Load center) ของสินค้าด้วย หากคุณมีการใช้งานที่หลากหลาย อาจต้องเลือกสแต๊กเกอร์ที่สามารถปรับการใช้งานได้หลากหลายแบบหรือสามารถรับน้ำหนักได้ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน

บทความอื่นๆ เพิ่มเติม

ติดต่อสอบถามบริการรถโฟล์คลิฟท์

Scroll to Top
ขอใบเสนอราคา

สินค้าทุกชิ้นมีการรับประกัน และ มีอะไหล่ดูแล เพียงพอ พร้อมบริการตลอดเวลา มีบริการให้คำปรึกษาฟรีตลอด ทั้ง ก่อนซื้อ และหลังซื้อ 

ขอใบเสนอราคา

สินค้าทุกชิ้นมีการรับประกัน และ มีอะไหล่ดูแล เพียงพอ พร้อมบริการตลอดเวลา มีบริการให้คำปรึกษาฟรีตลอด ทั้ง ก่อนซื้อ และหลังซื้อ 

Quotation Form